“ไม่ไหวแล้วโว้ยยยย!” เสียงโอดครวญของเราและเพื่อนร่วมชะตากรรมดังไปทั่วผืนป่าระหว่างทางขึ้นภูกระดึง แดดเปรี้ยงๆ กับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่หนักอึ้งบนหลัง ทำเอาเราแทบจะคลานขึ้นไปทีละก้าว คิดถึงเตียงนุ่มๆ แอร์เย็นๆ และอาหารอร่อยๆ ที่บ้าน จนอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเราถึงเลือกที่จะมาทรมานตัวเองแบบนี้? นี่มันไม่ใช่การพักผ่อน นี่มันการลงโทษชัดๆ! แต่ระหว่างที่กำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง เราก็สะดุดตากับป้ายเล็กๆ ที่เขียนว่า “อีก 500 เมตร ถึงซำแฮก” เอิ่ม… ซำแฮก? ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องแฮกขนาดไหน ถึงจะเหนื่อยแทบขาดใจ เราก็ยังคงฮึดสู้ต่อไป เพราะเรารู้ว่าถ้าเราถอดใจตอนนี้ เราจะต้องเสียใจภายหลัง
และแล้ว ในที่สุดเราก็มาถึงหลังแป ระยะทาง 5.5 กิโลเมตรที่เหมือนจะยาวนานเป็นร้อยกิโลฯ! เรารีบหาทำเลกางเต็นท์ แล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาอย่างหมดสภาพ แต่พอได้พักเหนื่อยสักพัก เราก็เริ่มรู้สึกถึงความสดชื่นของอากาศบริสุทธิ์ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว และวิวทิวทัศน์อันงดงามรอบตัว เราลุกขึ้นเดินเล่นสำรวจรอบๆ พบว่าบนภูกระดึงมีอะไรให้ทำเยอะแยะมากมาย ทั้งเดินป่า ชมน้ำตก ขี่จักรยาน หรือจะนั่งชิลๆ จิบกาแฟชมวิวก็ได้
ตกเย็น เรารวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมทางที่เพิ่งรู้จักกัน นั่งล้อมวงกินข้าว พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เราเล่าถึงความยากลำบากระหว่างทางขึ้นเขา แต่ก็ไม่ลืมที่จะแซวตัวเองและเพื่อนๆ ว่า “ตอนขึ้นนี่แทบตาย แต่พอถึงแล้วก็ลืมความเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วลานกางเต็นท์ เราต่างก็รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น แม้จะต้องเดินขึ้นเขาอีกหน่อย แต่ก็คุ้มค่ากับความเหนื่อย แสงแรกของวันสาดส่องลงมาบนยอดเขา ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากม่วงเป็นส้ม แล้วเป็นสีทองอร่าม ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เราลืมความเหนื่อยล้าจากเมื่อวานไปจนหมดสิ้น เราใช้เวลาทั้งวันเดินป่าไปตามเส้นทางต่างๆ บนภูกระดึง ผ่านป่าสน ป่าไผ่ ทุ่งหญ้า และน้ำตก ระหว่างทาง เราได้พบกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ มากมาย ทั้งนก ผีเสื้อ กระรอก และกวาง เราได้เรียนรู้ว่า ธรรมชาติมีความสวยงามและน่าทึ่งเพียงใด
ตกเย็น เรานั่งดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงามของภูกระดึง แสงสุดท้ายของวันสาดส่องลงมาบนผืนป่า สร้างบรรยากาศที่โรแมนติกและอบอุ่น เรานั่งมองดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าไปอย่างเงียบๆ ในใจเรารู้สึกสงบและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
การเดินทางครั้งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่ปลายทาง แต่อยู่ที่ระหว่างทาง และที่สำคัญที่สุด เราได้เรียนรู้ว่า เราแข็งแกร่งกว่าที่เราคิด ภูกระดึงอาจจะทำให้เราเหนื่อยโคตรๆ แต่ก็ทำให้เราได้พบกับประสบการณ์ที่คุ้มค่าและเรื่องราวที่น่าจดจำ และที่สำคัญที่สุด มันทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น เราจะไม่มีวันลืมความรู้สึกที่ได้ยืนอยู่บนยอดภูกระดึง มองดูวิวทิวทัศน์อันงดงามเบื้องล่าง มันเป็นความรู้สึกที่บอกเราว่า เราสามารถทำอะไรก็ได้ ถ้าเราตั้งใจและไม่ยอมแพ้