แม้จะอยู่ในเขตทวีปเอเชีย แต่สำหรับคนรักการเดินป่า เดินเขา (Trekking) ก็ยังสามารถไปทำกิจกรรมได้โดยไม่ต้องขึ้นเครื่องบินนานๆและแต่ละที่ที่เลือกมาคือระดับการเดินค่อนข้างง่าย มือใหม่เดินได้ มือเก่าเดินสนุก พร้อมกับวิวที่สวยอลังการ มาดูกันว่า 10 อันดับที่ I Walk – เดินเท้า จัดอันดับมาจะมีอะไรบ้าง
1.Ghorepani Poon Hill Trek (เนปาล – Nepal): เส้น Trek Poon Hill ที่ขึ้นชื่อโดยที่เส้น Ghorepani Poon Hill นี้จะอยู่ในเขต Anapurana ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับมือใหม่พอสมควรหากต้องการเริ่มต้นเดิน Trek ที่เนปาลกันก่อนซึ่งมีความสูงสุดอยู่ที่ 3,210 เมตร (แต่อาจต้องดูเรื่อง AMS – โรคแพ้ความสูง) แม้จะไม่สูงมากแต่ความสูงที่เกินระดับ 3,000 เมตรก็อาจทำให้หลายๆคนอาจต้องเผชิญกับอาการแพ้ความสูงได้ นอกจากนี้ยังไม่ต้องห่วงเรื่องที่พักเพราะว่าจะเป็นที่พักแบบ tea house / guest house มีให้เลือกระหว่างได้เยอะหลายที่ ทางเดินนั้นก็เดินค่อนข้างง่ายและทางเป็นทางที่เห็นชัด ไม่ชันมากค่อยๆไต่ระดับไปเรื่อยๆ และเหนื่อยก็นอนที่ tea house ได้ ถือว่าได้เดินเขาที่เนปาลเป็นการชิมลางก่อนจะไปเส้นอื่นที่ยากกว่านี้ได้
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ไปได้ทั้งปี แต่แนะนำช่วง เมษายน/ ตุลาคม เพราะอากาศไม่หนาวเกินไปและสวย
- จำนวนวันที่ใช้ในการเดิน: 4 วัน
- ระยะทาง: 25-35 กม (ทั้งเส้น)
- เมืองเริ่มต้น: Pokhara
- วิว: สามารถเห็นเทือกเขา Anapurana โดยจะเห็นยอด Dhaulagiri, Machhapuchhre, and the Annapurna South และ Highlight สำหรับเส้นนี้คือดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ Poon Hill
- ระดับความยาก: ง่าย
2. Dragon’s Back (ฮ่องกง – Hong Kong) : ถ้ามาเดินเขา Trekking ที่ฮ่องกงแล้วไม่ได้ไต่หลังมังกรอาจจะยังเหมือนมาไม่ถึง เส้น Dragon’s Back เป็นเส้นทางเดินเขาสุดฮิตเส้นหนึ่งที่ฮ่องกง สำหรับฮ่องกงแล้วสิ่งหลักๆที่คนมักจะคิดถึงกันคือ ช็อปปิ้ง อาหารอร่อย หรือว่าจะมูเตลูกับการไหว้พระสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ถือว่าขึ้นชื่อสำหรับฮ่องกง แต่รู้หรือไม่ว่าฮ่องกงนั้นด้วยความที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะจึงทำให้มีเส้นทาง Trekking เส้นนึงที่ยอดฮิต ก็คือ Dragon’s Back นั่นเอง และตามชื่อ Dragon’s Back ก็คือหลังมังกรนั่นเอง การเดินจะเดินผ่านภูเขาขึ้นลงซึ่งเปรียบเสมือนเดินบนหลังมังกร และด้วยเส้นทางที่ชัดเจนและเดินง่ายนั้น ทำให้เป็นแหล่งเดินเขายอดนิยมของทั้งคนฮ่องกงเองและนักเดินเขาจากทั่วโลกเช่นกัน
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ตุลาคม – มีนาคม เพราะอากาศจะเย็นหน่อย
- จำนวนวันที่ใช้ในการเดิน: 1 วันหรือครึ่งวันก็ได้
- ระยะทาง: 8 – 10 กม
- เมืองเริ่มต้น: เกาะฮ่องกง
- วิว: บนยอดเขาจะเห็นทะเลทั้งสองฝั่งคือ Big Wave Bay, และทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นวิวที่สวยงามมาก
- ระดับความยาก: ง่าย
3. Mount Batur Sunrise Trek (Bali, Indonesia): บาหลีนอกจากจะมีทะเลสวยใสแล้วยังเป็นแหล่งดำน้ำที่เป็นที่นิยมและมีจุดเดินเขา (Trekking) อีกหลายเส้นทางเช่นกัน และหนึ่งในเส้นทางที่สวยอลังการเลยคือ Mount Batur และสิ่งที่สวยมากๆคือเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับทะเลหมอกนั้นยิ่งทำให้วิวบน Mount Batur นั้นสวยอลังการสุดๆและเป็นเส้นเดินเขาง่ายๆเส้นนึงที่ยอดฮิต นอกจากนี้เส้นเดินเขานี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามแล้วยังเป็นที่นิยมเนื่องจากเป็นภูเขาไฟที่สามารถขึ้น summit ยอดได้ไม่ยากและเส้นทางเดินค่อนข้างสั้นไม่ต้องใช้เวลาเป็นวันๆแต่ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันก็สามารถเดินไปดูวิวสวยๆได้แล้ว หากมีโอกาสไปบาหลีแล้วแต่อยากหากิจกรรมอย่างอื่นบ้างอย่าลืมเส้นเทรคเส้นนี้ล่ะ
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ช่วงเช้ามืด แต่กะเวลาเดินดีๆให้ถึงยอดทันพระอาทิตย์ขึ้น แต่หากขึ้นไปก่อนนานก็อาจจะหนาวได้ ระหว่างเดือน เมษายน – กันยายนเนื่องจากไม่มีมรสุม
- จำนวนวันที่ใช้ในการเดิน: 2-4 ชม
- ระยะทาง: 6-8 กม (ไปกลับ)
- เมืองเริ่มต้น: สามารถไปกลับจากเมืองบาหลีได้เลย
- วิว: ได้เห็นทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่ Mount Agung
- ระดับความยาก: ง่าย-ปานกลาง
4. Tiger’s Nest Monastery Hike (Bhutan): ภูฏานหนึ่งในประเทศในฝันของใครหลายคน อาจจะดูเหมือนไม่มีที่ให้เดิน Trek ได้แม้ว่าจะไม่ใช่เส้นเทรคจริงจัง แต่ต้องเดินเพื่อขึ้นไปดู Monastery ข้างบน ดังนั้นจะขอรวมเส้นนี้เอาไว้ด้วย ซึ่งที่ Tiger’s Nest monastery นั้นเป็นจุดท่องเที่ยวอีกจุดที่สวยงามมากโดย Monastery นั้นจะอยู่บนภูเขา นั่นคือเหตุผลที่ต้องเดินขึ้นไปถึงจะไปถึงได้ แม้ว่าเส้นทางจะไม่ยาวมากแต่บางจุดก็เป็นจุดที่มีความชัน แต่ก็สามารถปรับลดความเร็วในจุดที่ชันได้
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: มีนาคม – พฤษภาคม (ช่วงใบไม้ผลิ) และ กันยายน – พฤษจิกายน (ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี)
- จำนวนวันที่ใช้ในการเดิน: 1 วันเต็มๆ
- ระยะทาง: 10- 12 กม (ไปกลับ)
- เมืองเริ่มต้น: Paro Valley สามารถบินไปที่เมือง Paro ได้เพื่อเริ่มต้นเดินทางไป Tiger’s Monastery โดยสามารถหาที่พักที่ Paro เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นได้
- วิว: วิว panoramic ของหุบเขา Paro และภาพของ Tiger’s Nest Monastery (Taktsang) ซึ่งอยู่บนเขานั่นเอง
- ระดับความยาก: ปานกลาง
5. Ella Rock Hike (Sri Lanka): เส้นทางเดินเขา Trekking สำหรับการดูทุ่งชาและเดินผ่านป่าเพื่อชมกับธรรมชาติที่สวยงามที่ศรีลังกา เส้นทางเดินจะค่อนข้างชัดและง่ายแทบจะเดินเป็นเส้นตรงเพื่อไปและกลับ โดยสามารถเริ่มต้นจากเมืองโคลัมโบได้เลยโดยที่จะมีรถไฟยิงตรงจากโคลัมโบไปยังเมือง Ella
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: มกราคม – มีนาคม (เพราะว่าจะไม่ค่อยมีฝนและเดินง่าย)
- จำนวนวันที่ใช้ในการเดิน: ครึ่งวัน
- ระยะทาง: 8 – 10 กม (ไปกลับ)
- เมืองเริ่มต้น: พักที่ Ella และเริ่มต้นที่เมือง Ella ได้เลย
- วิว: จุดชมวิวยอดฮิตของ Ella Rock คือ Ella gap และน้ำตก
- ระดับความยาก: ง่าย – ปานกลาง
6. Cheonjeyeon Waterfalls (Jeju Island, South Korea): น้ำตก Cheonjeyeon นั้นอยู่ในเกาะเจจูมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Pond of God โดยจากเรื่องเล่าว่า มีนางเทพเจ็ดคนที่ลงมาจากสะพานจากบนเมฆในช่วงเวลากลางคืนแล้วใช้ชีวิตเล่นบนพื้นดินอยู่พักนึงก่อนที่จะกลับขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและจุดนั้นเองคือน้ำตกนี้ น้ำตกสามชั้นที่ไหลลงผ่านป่าทึบเป็นทิวทัศน์ที่งดงาม น้ำจะรวมตัวกันเป็นบ่อที่น้ำตกชั้นแรก ซึ่งไหลลงไปสู่ทะเลผ่านน้ำตกชั้นสองและสาม นอกจากนี้ยังสามารถชมสะพานเซอนิมโกที่มีนางเทพเจ็ดคนที่สลักบนข้างๆได้อีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาเส้นทางเดินเขาง่ายๆแต่เปลี่ยนจากวิวภูเขาเป็นวิวน้ำตก ที่นี่ต้องห้ามพลาด
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: สามารถไปได้ทั้งปีแต่สามารถไปช่วงมีนาคมหรือเมษยายนเพื่อดูดอกซากุระ หรือหากชอบใบไม้เปลี่ยนสีก็สามารถมาช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีตั้งแต่ตุลาคมเป็นต้นไป
- จำนวนวันที่ใช้ในการเดิน: เดินสั้นๆแค่ 1-2 ชม
- ระยะทาง: 2-3 กม (ไปกลับ)
- เมืองเริ่มต้น: เกาะเจจู (Jeju Island)
- วิว: จุดชมวิวน้ำตกสามสาย
- ระดับความยาก: ง่าย
7. Bukit Tabur (Kuala Lumpur, Malaysia): อีกหนึ่งจุดชมวิวใกล้กับ Kuala Lumpur ซึ่งหากขับรถไปจะใช้เวลาซักประมาณ 30 นาทีก็จะถึงแล้ว โดยที่ Bukit Tabur นั้นจะเป็นที่ๆไม่ใช่ที่ยอดฮิตเท่าไร แต่หากเบื่อความเป็นเมืองและเบื่อตึกสูงต่างๆแล้ว สามารถหลีกหนีออกมาเดินเขาเล่นๆได้ โดยที่เส้นทางนั้นบางช่วงก็แอบยากต้องใช้พลังนิดๆและบางช่วงก็ต้องใช้เชือก safety ด้วย แต่หากขึ้นไปถึงยอดได้จะได้มุมที่สวยมากๆ ซึ่งเหมาะกับมือใหม่ประมาณนึง
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: สามารถไปได้ทุกช่วงยกเว้นช่วงฤดูฝนซึ่งอยู่ระหว่างเดือน พฤษจิกายนถึงมีนาคมของทุกปี
- จำนวนวันที่ใช้ในการเดิน: ครึ่งวัน
- ระยะทาง: 4-5 กม (ไปกลับ)
- เมืองเริ่มต้น:
- วิว: จุดชมวิว Klang Gates Quartz Ridge และ Kuala Lumpur’s skyline.
- ระดับความยาก: ปานกลาง
8. Nag Tibba Trek (India): อีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากเห็นเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งสามารถเห็นได้จากประเทศอินเดียด้วยเช่นกัน และเพียง 2 วันในการเดินเขานั้นบนยอดเขา (หาก summit ได้) ก็จะสามารถเห็นวิว 360 องศาซึ่งได้เห็นเทือกเขาหิมาลัยกันเต็มๆตา แต่หากใครชอบความท้าทายและสู้กับความหนาวได้ดี การไป summit Nag Tibba นั้นในหน้าหนาวก็จะได้บรรยากาศไปอีกแบบ
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ช่วงฤดูใบไม้ผลิตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงพฤษภาคมและใบไม้เปลี่ยนสีช่วงกันยายนถึงพฤษจิกายนของทุกปี
- จำนวนวันที่ใช้ในการเดิน: 2 วัน นอนเต๊นท์หรือว่านอน Guesthouse ก็ได้
- ระยะทาง: 20-25 กม (ไปกลับ) ความสูงประมาณ 3,000 เมตร
- เมืองเริ่มต้น: อยู่ใกล้กับเมือง Dehradun ใน Uttarakhand โดยที่สามารถนั่งรถมาไม่นานก็จะถึงจุดเริ่ม Trek
- วิว: จุดชมวิวบนยอดเขา Nag Tibba summit ซึ่งจะสามารถเห็นวิว 360 องศาของเทือกเขาหิมาลัยและยอดเขาในหิมาลัย
- ระดับความยาก: ง่าย – ปานกลาง
9. Phu Chi Fa (Chiang Rai, Thailand): คิดอยู่นานสำหรับประเทศไทยว่าจะส่งยอดเขาไหนประกวดดี ในใจคิดถึงภูชี้ฟ้ากับดอยหลวงเชียงดาว แต่ตัดสินใจเลือกภูชี้ฟ้าแทนเพราะว่าความสวยไม่เป็นรอง ความง่ายค่อนข้างง่ายกว่าเยอะโดยไม่ต้องไปค้างคืนข้างบน และภูชี้ฟ้าก็ยังมีเอกลักษณ์ของภูที่เหมือนชี้ไปยังปลายฟ้าได้อีกด้วย จะดูตอนเช้าก็ได้วิวพระอาทิตย์ขึ้น จะดูตอนเย็นก็ได้บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตก ซึ่งความสวยนั้นไม่เป็นรองหลายๆที่เลย แต่เดินได้ง่ายกว่ากันเยอะ
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ไปได้ทั้งปีแต่ให้แนะนำคือไปช่วงหน้าหนาว ซึ่งก็คือ พฤษจิกายนถึงกุมภาพันธ์ของทุกปีซึ่งเป็นหน้าหนาว มีโอกาสได้เห็นทะเลหมอกเยอะจะสวยมากๆ
- จำนวนวันที่ใช้ในการเดิน: เดินสั้นๆแต่ได้เหงื่อซึมๆ
- ระยะทาง: 700 เมตร
- เมืองเริ่มต้น: สามารถเริ่มต้นและพักที่ตัวเมืองเชียงรายได้แต่ให้ดีขึ้นมาพักที่ๆพักในภูชี้ฟ้าจะฟินกว่ากันเยอะ
- วิว: จุดชมวิวบนยอดภูชี้ฟ้า ซึ่งสามารถมองไกลได้ไปถึงประเทศลาวหากว่าอากาศดีๆ (ยกเว้นช่วงหมอกลงหนัก)
- ระดับความยาก: ง่าย
10. Moalboal to Badian Canyoneering (Cebu, Philippines): Cebu เมืองทะเลสวยน้ำใสของ Philippines แต่ไม่ใช่แค่ทะเลที่สวยที่นี่ยังมีน้ำตกสี Turquoise ที่สวยมากๆอยู่ด้วยเช่นกัน สำหรับเส้นเดินเขาเส้นนี้เรียกได้ว่าเป็นการเดินเพื่อไปชมน้ำตกเป็นเส้นทางที่เดินไม่ยากมากแต่อาจจะยากตรงที่มีความลื่นชันของบางจุด แต่ไปถึงแล้วจะลืมเหนื่อยเลย น้ำเป็นสีฟ้าสวยใสมากๆ สามารถแพลนเป็น day trip จาก Cebu มาได้ ซึ่งมาถึงแล้วก็อย่าลืมหากิจกรรมทำด้วยไม่ว่าจะเล่นน้ำหรือเดินเล่นถ่ายรูปก็ได้
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม: แนะนำช่วงฤดูที่ไม่มีฝนไม่มีพายุซึ่งก็คือช่วง ธันวาคมถึงพฤษภาคม ของทุกปี
- จำนวนวันที่ใช้ในการเดิน: ครึ่งวันหรือเต็มวันก็ได้
- ระยะทาง: โดยประมาณที่ 3 กมแล้วแต่เส้นที่เลือกเดิน
- เมืองเริ่มต้น: ที่พักใน Moalboal หรือเมืองใกล้ๆแล้วแพลนเป็น day trip มาได้เลย
- วิว: เป็นจุดชมวิวน้ำตกสี Turquoise และวิวหุบเขาที่สวยมากๆ
- ระดับความยาก: ง่าย – ปานกลาง
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 ประเทศและจุดเดินเขาง่ายๆสำหรับมือใหม่พร้อมกับวิวอันอลังการ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชอบทะเล น้ำตก หรือ ภูเขา ทั้งหมดทั้งปวงแล้วทุกที่นั้นอยู่ใกล้กับประเทศไทยมาก หากมีเวลาแล้วสามารถเลือกซักที่นึงเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการเทรคได้ แล้วอย่าลืมมาแชร์ประสบการณ์กันล่ะ